สำหรับชาวยุโรป สเปนเป็นชาติแรกที่เป็นนักเดินทางผู้แสวงหาความมั่งคั่งในดินแดนใหม่ จนกระทั่งเดินทางมาสู่อเมริกากลาง พวกเขาเอาชนะชาวแอซเทคได้ และได้รู้จักกับรสชาติอันแสนวิเศษของช็อกโกแลต ชาวสเปนจึงนำเอาช็อกโกแลต และเมล็กโกโก้กลับไปสู่ประเทศของตนด้วย ซึ่งช็อกโกแลตกลายเป็นที่นิยมชมชอบในราชสำนัก และภายในช่วงเวลา 100 ปี ความหลงใหลในรสชาติของช็อกโกแลตก็ได้ลุกลามไปทั่วยุโรป

ช็อกโกแลตทุกชนิดบนโลกไม่ว่าจะในรูปแบบ ของแข็ง ของเหลว หรือ แบบผง ล้วนมีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้แทบทั้งสิ้น (ยกเว้น white chocolate) ซึ่งกว่า 50% ของเมล็ดโกโก้ที่เก็บเกี่ยวในแต่ละปีมาจากแอฟริกาตะวันตก ส่วนใหญ่จากประเทศ ไอวอรี่ โคสต์, กาน่า, ไนจีเรีย และ แคเมอรูน นอกเหนือจากทวีปแอฟริกา ก็จะไปทางแถบประเทศ อินโดนิเซีย บราซิล และ เอกวาดอร์ ช็อกโกแลต อุตสาหกรรมช็อกโกแลตในอเมริกาจำกัดความผลิตภัณฑ์จากเมล็ดโกโก้เป็น 3 ประเภท

โกโก้ (cocoa) คือเมล็ดของต้นโกโก้

เนยโกโก้ (cocoa butter) คือไขมันของเมล็ดโกโก้

ช็อกโกแลต (chocolate) คือส่วนผสมของเมล็ดและเนยโกโก้

 

ประเภทของช็อกโกแลต

ประเภทของช็อกโกแลตที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดมีความหลากหลายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นดาร์กช็อกโกแลต มิลค์ช็อกโกแลต ไวท์ช็อกโกแลต ซึ่งช็อกโกแลตทั้ง 3 ประเภทนี้คือช็อกโกแลตแท้หรือที่เรียกว่าช็อกโกแลตกูแวร์ตูร์ และก็ยังมีช็อกโกแลตชิพ คอมพาวด์ช็อกโกแลต ช็อกโกแลตเหล่านี้ล้วนมีหน้าที่และรสชาติที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างประเภทช็อกโกแลตมีดังนี้

Dark chocolate มีเนื้อโกโก้ 58% ขึ้นไป สูงสุด 99% รสชาติความขมของช็อกโกแลตจึงขึ้นอยู่กับปริมาณเนื้อโกโก้ที่ผสมอยู่ในนั้น ยิ่งเปอร์เซ็นต์เนื้อโกโก้มากเท่าไร ความขมก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น การนำดาร์กช็อกโกแลตมาทำขนม สิ่งที่ควรคำนึงคือเปอร์เซ็นต์ความขมของดาร์กช็อกโกแลต ว่าเหมาะกับการนำมาทำขนมประเภทไหน

Milk chocolate มีเนื้อโกโก้ 38% จึงมีรสหวานกว่าดาร์กช็อกโกแลต คนส่วนมากนิยมกิน นำมากินเล่นมากกว่าจะนำมาทำเป็นขนม เพราะความที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำตาลมากกว่าเนื้อโกโก้จึงทำให้กินง่ายกว่าดาร์กช็อกโกแลต

White chocolate โดยทั่วไปไม่นับว่าเป็นช็อกโกแลต เนื่องจากไม่มีส่วนประกอบของเนื้อโกโก้แม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว มีเพียงแค่เนยโกโก้ น้ำตาล และนมผงเป็นส่วนประกอบ รสชาติที่ได้จึงไม่มีความขมของเนื้อโกโก้ มีเพียงความหวาน เนื้อที่ขาว และกลิ่นที่หอมเหมือนวานิลลา และที่สำคัญ ไวท์ช็อกโกแลตละลายง่าย แต่ก็ไหม้ง่ายเช่นกัน เพราะมีน้ำตาลอยู่เป็นจำนวนมาก การนำไวท์ช็อกโกแลตมาทำขนมจึงต้องระวังข้อนี้เป็นอย่างมาก 

 

ช็อกโกแลตมีประโยชน์แค่ไหน?

1.     สารฟีนอลในช็อกโกแลตมีประโยชน์ต่อสุขภาพของหัวใจ ช่วยให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น และช่วยป้องกันการอุดตันของลิ่มเลือด

2.     ช่วยให้การทำงานของเยื่อบุผิวดีขึ้น

3.     มีคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งคาร์โบไฮเดรตไขมัน วิตามินเอ ดี เค และธาตุเหล็ก

4.     คาเฟอีนในช็อกโกแลตช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า

5.     กระตุ้นให้สมองหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินช่วยให้อารมณ์ดี ไม่หงุดหงิดและลดความเครียดลงได้

ดังนั้นใครกำลังมองหาช็อกโกแลตคุณภาพ รสชาติเยี่ยม ทานแล้วได้ประโยชน์ พลาดไม่ได้เลยกับ Chocoville & Chocolike Chocolate Hazelnut Spread มีปริมาณเฮเซลนัท 13% และ 2% เลือกได้เลยตามที่ชอบ ไม่ว่าจะทานเดี่ยวๆ หรือทาขนมปังทานคู่กับกาแฟตอนเช้าก็เข้ากันสุดๆ หรือจะนำไปเป็นส่วนประกอบในการทำขนมช็อกโกแลตชนิดต่างๆ ก็ดีงามเช่นกัน ชอคโกวิลล์ราคาเพียงกระปุกละ 129 บาท ส่วนชอคโกไลก์ราคาเพียงกระปุกละ 95 บาทเท่านั้น (ปริมาณ 350 กรัมทั้งคู่)

หาซื้อได้ที่ BigC, Tops, Gourmet, Villa, Foodland, Rimping, Makro, Lotus's หรือสามารถสั่งออนไลน์ได้ที่ https://linktr.ee/cotradingth

 

References :

ชรินรัตน์ จริงจิตร, ทุกเรื่อง ‘ช็อกโกแลต’ ที่ต้องรู้ก่อนทำขนมแสนอร่อย, https://krua.co

รู้หรือไม่ "CHOCOLATE" มีหลายประเภท มาทำความรู้จักให้มากขึ้นก่อนการทำขนมกัน !!, https://www.sweetscottage.com/

ช็อกโกแลต กินให้ดีก็มีประโยชน์, https://www.anmum.com/th

mellow yellow, เรื่องเล่ารสช็อกโกแลต กับ 10 เรื่องจริงที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน, https://www.marketingoops.com/